อย่างที่ทราบกันดีว่าข้อดีของการจำนำรถ คือ เราจะได้รับอนุมัติสินเชื่อ และได้รับเงินอย่างรวดเร็ว โดยที่มีเงื่อนไข หรือข้อกำหนดน้อยกว่าการยื่นขอสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ขอเพียงแค่เรามีเล่มทะเบียน มีเอกสารครบถ้วน และที่สำคัญผ่อนชำระหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงเท่านี้ก็จะได้รับอนุมัติ และได้เงินทันที แถมการจำนำทะเบียนรถยนต์ส่วนใหญ่ยังไม่ตรวจสอบเครดิตบูโรอีกด้วย นอกจากนี้ การจำนำทะเบียนรถไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน หากมีเงินก้อนก็สามารถนำมาดำเนินการปิดสินเชื่อได้ตลอดเวลานั่นเอง ดังนั้นบทความนี้เราเลยจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับการจำนำทะเบียนรถแบบโอนเล่ม และการจำนำทะเบียนรถแบบไม่โอนเล่มกัน

ทำความรู้จักกับการจำนำทะเบียนรถแบบโอนเล่ม และการจำนำทะเบียนรถแบบไม่โอนเล่ม

มาเริ่มกันแบบแรกเลย ก็คือ การจำนำทะเบียนรถแบบโอนเล่ม ซึ่งแบบโอนเล่มการจำนำรถแบบโอนเล่ม คือ การที่ผู้ขอสินเชื่อต้องทำการโอนเล่มทะเบียนฉบับจริงให้กับธนาคารที่ให้บริการสินเชื่อ โดยเล่มทะเบียนรถจะต้องถูกเปลี่ยนชื่อ จากชื่อของผู้ขอสินเชื่อเป็นชื่อของธนาคารผู้ให้บริการ เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้สินเชื่อ โดยการจำนำรถแบบโอนเล่ม จะเหมาะกับบุคคลที่ไม่รีบร้อนใช้เงินสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังอยากได้เงินก้อนเอาไว้ใช้หมุนเวียน ซึ่งข้อดีของการจำนำรถแบบโอนเล่ม คือ มีโอกาสได้วงเงินที่สูงกว่า แถมดอกเบี้ยดีกว่าแบบไม่โอนเล่ม ทั้งยังผ่อนชำระได้อย่างสบายในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งวงเงิน และอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร

ส่วนแบบที่ 2 คือ การจำนำทะเบียนรถแบบไม่โอนเล่ม ซึ่งแบบไม่โอนเล่ม การจำนำรถแบบไม่โอนเล่ม คือ การยื่นขอสินเชื่อโดยนำเล่มทะเบียนฉบับจริงมาฝากไว้กับธนาคารที่ให้บริการสินเชื่อ เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ แต่ชื่อบนเล่มทะเบียนยังเป็นชื่อของผู้ขอสินเชื่ออยู่ ไม่ได้มีการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับการจำนำรถแบบโอนเล่มที่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งการจำนำรถแบบไม่โอนเล่ม จะเหมาะกับบุคคลที่ต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน เหมาะกับบุคคลที่ต้องการใช้เงินยามฉุกเฉิน หรือเหมาะกับบุคคลที่จะนำเงินไปต่อยอดทางธุรกิจ โดยข้อดีของการจำนำรถแบบไม่โอนเล่ม คือ ชื่อในเล่มทะเบียนรถไม่ถูกโอนกรรมสิทธิ์ไปยังผู้อื่น ได้รับการอนุมัติขอสินเชื่ออย่างรวดเร็ว ในอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ที่สำคัญการจำนำรถแบบไม่โอนเล่ม ไม่ต้องแบกรับภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% ด้วยนั่นเอง